หากพูดถึงตัวย่อ HMOs สำหรับคุณแม่ทั้งหลายคงเป็นที่รู้จักกันดี แต่ถ้าสำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า HMOs คืออะไร บทความนี้จะมาเล่าให้ฟัง โดย HMOs นั้นย่อมาจาก Human Milk Oligosaccharides หรือก็คือโอลิโกแซกคาไรด์ในน้ำนมแม่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติก หรือพูดให้เข้าใจง่ายก็คืออาหารของจุลินทรีย์ชีวภาพ ที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับเด็กเป็นอย่างดี เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา เพื่อช่วยเสริมทั้งในเรื่องของพัฒนาการทางสมอง ทำให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิ และที่สำคัญคือเป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศของเด็กทารก เพราะฉะนั้นนมแม่จึงถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมาก อีกทั้งการดื่มน้ำนมแม่นั้นสามารถดื่มได้ตั้งแต่แรกเกิด ไปจนถึงเด็กที่มีอายุ 2 ปี ก็ยังสามารถดื่มน้ำนมแม่ได้อยู่ ถึงแม้ว่าเด็กจะรับประทานอาหารอย่างอื่นได้แล้วก็ตาม เพราะน้ำนมแม่นั้นมีสารอาหาร และมีประโยชน์มากที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งสำหรับรายละเอียดของ HMOs เพิ่มเติมนั้นจะมีอะไรบ้าง รวมถึงข้อมูลเจาะลึกว่าทำไมเด็กต้องกินนมแม่ เราได้รวบรวมเอามาให้แล้วดังนี้
2′-FL คืออะไร ?
2’-FL ถ้าให้อธิบายก็คือ 2′- ฟูโคซิลแลคโตส เป็นโครงสร้างอย่างหนึ่งของ HMOs ที่สามารถจำแนกออกมาได้มากกว่า 200 โครงสร้าง มีส่วนสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กแรกเกิด อย่างที่กล่าวไว้ว่า น้ำนมแม่เปรียบเสมือนเป็นวัคซีนแรกนั้นก็คงไม่ผิดนัก โดยหลักการทำงานของ 2′-FL ทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติก ที่มีส่วนช่วยระบบทางเดินอาหาร ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่จะทำให้เกิดโรค เสริมสร้างภูมิต้านทานได้ดีให้กับเด็กแรกเกิด หรือเด็กเล็กที่ยังคงดื่มน้ำนมแม่อยู่ ซึ่งสารอาหารนี้จะพบได้มากถึง 80% ในน้ำนมมแม่เท่านั้น
น้ำนมแม่ นั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ?
ภายในน้ำนมแม่ทั้งหมด 100 มิลิลิตรนั้นประกอบไปด้วยสารอาหารมากมายหลายอย่างด้วยกัน อย่างแรกเลยก็คือ แลกโตส ตามมาด้วยไขมัน โปรตีน จุลินทรีย์สุขภาพ หรือโพรไบโอติกอย่างอื่น และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ โอลิแซกคาไรด์ในนมแม่ (HMOs) ประโยชน์มากมาย ที่นอกจากจะช่วยให้เด็กอิ่มท้อง ยังมอบสารอาหาร และช่วยปกป้องระบบทางเดินอาหาร รวมถึงการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก
HMOs พบมากสุดในช่วงไหนของระยะน้ำนม ?
จากการวิจัยพบว่าโอลิโกแซกคาไรด์ในน้ำนมแม่ (HMOs) จะถูกพบมากที่สุดในช่วงในช่วงน้ำนมเหลือง เป็นระยะน้ำนมหลังคลอดประมาณ 3-5 วันหลังจากคลอดลูกแล้ว เป็นน้ำนมที่อุมดมไปด้วยสารอาหาร และโปรตีนเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับ HMOs ก็ถูกพบมากในช่วงนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นน้ำนมแม่จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างขาดมิได้ สำหรับเด็กแรกเกิดนี้
น้ำนมแม่มีกี่ระยะ ?
น้ำนมแม่ถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ระยะด้วยกัน ได้แก่
- ระยะที่ 1 (Colostrum) เป็นน้ำนมระยะเริ่มแรกของผู้หญิงที่เพิ่งคลอดบุตร น้ำนมจะมีสีเหลือง หรือที่เรียกกันว่าระยะน้ำนมเหลือง จะเป็นระยะที่น้ำนมมีสารอาหารมากที่สุด อย่างที่กล่าวไปว่าระยะนี้จะมี HMOs อยู่ในปริมาณที่สูงมากเช่นเดียวกัน
- ระยะที่ 2 (Transitional Milk) หลังจากที่ผ่านพ้นช่วง 5 วัน ไปจนถึงสัปดาห์ที่ 2 ไปแล้วน้ำนมจะเริ่มกลับมามีสีขาวขุ่น เป็นสีของน้ำนมปกติที่เห็นได้ทั่วไป
- ระยะที่ 3 (Mature Milk) เมื่อผ่านพ้นไปสักระยะ น้ำนมของแม่จะเริ่มมีปริมาณที่มากขึ้น หลายคนจะเริ่มปั้มนมเพื่อเก็บเอาไว้ให้ลูกน้อยได้ดื่ม รวมถึงสารอาหารหลักของเด็กก็จะออกมากับน้ำนมในช่วงระยะที่ 3 นี้ด้วย
ประโยชน์ของ HMOs แบบเจาะลึกมีอะไรบ้าง ?
นอกจากการเสริมภูมิต้านทานที่เป็นหน้าที่หลักของ HMOs แล้วนั้น โอลิแซกคาไรด์ในน้ำนมแม่ ก็ยังมีคุณประโยชน์หลายอย่างด้วยกัน ได้แก่
- ลดความเสี่ยงที่ลูกจะเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ หนึ่งในประโยชน์ของ HMOs อย่างแรกเลยก็คือช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยของเด็กให้น้อยลง เพราะจะช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิต้านทาน ในเด็กที่เพิ่งคลอดการดื่มน้ำนมแม่ก็จะช่วยได้ เหมือนกับเป็นวัคซีนให้กับเด็กที่มาจากธรรมชาติ
- ป้องกันการติดเชื้อของลำไส้ เพราะทั้ง HMOs และ 2’-FL เป็นอาหารของจุลินทรีย์สุขภาพในลำไส้อยู่แล้ว ดังนั้นจุลินทรีย์เหล่านี้จึงช่วยปกป้องการติดเชื้อของลำไส้ได้เป็นอย่างดี
- ช่วยป้องกันเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย หรือว่าสิ่งไม่ดีต่างๆ ที่ก่อโรค โดยที่จะมาเกาะบริเวณเยื่อบุผิวของลำไส้ใหญ่ โดย HMOs นั้นมีโครงสร้างที่คล้ายคลึงกับเยื่อบุผิวลำไส้ใหญ่ ดังนั้นจึงสามารถหลอกล่อให้เชื้อโรคมาเกาะแทน
- ป้องกันการท้องเสีย จากการวิจัยพบว่าเด็กที่ดื่มน้ำนมแม่ที่มี 2’-FL ในปริมาณที่มากกว่านั้นลดอาการท้องเสียได้มากกว่าเด็กที่ดื่มน้ำนมแม่ที่ 2’-FL มีปริมาณน้อยกว่า
นอกเหนือจาก HMOs ที่สำคัญ และเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเด็กแล้ว ในน้ำนมแม่ยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อเด็กอีกเพียบเลย อย่างเช่น โปรตีน ไขมัน วิตามินB1, B2, B6 และB12 รวมถึงแร่ธาตุอื่นๆ อีกมากมาย รู้อย่างนี้แล้วมาปั้มน้ำนมเก็บไว้กันเถอะ เพราะถึงแม้เด็กจะเติบโตขึ้นมีอายุเกิน 1 ปีไปแล้ว ก็ยังสามารถรับประทานนมแม่ได้อยู่ มาเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อย พร้อมกับให้ลูกน้อยเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรง และสมวัยด้วยนมแม่กันดีกว่า